City of Blood - นิยาย City of Blood : Dek-D.com - Writer
×

    City of Blood

    นิยายสยองขวัญเกี่ยวกับการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากสัตว์สู่คน อ้างอิงจากหลักการทางวิทยาศาสตร์

    ผู้เข้าชมรวม

    75

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    75

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  12 มี.ค. 56 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ภาคต้น ลาง 1 -

    เสียงโทรศัพท์มือถือที่ตั้งปลุกไว้ตามเวลาเดิมทุกวัน ตอน 7.30 น. ปลุกให้ผมลุกขึ้นจากภวังค์ พร้อมอาการง่วงนอนซึ่งเกิดจากการนอนดึกเมื่อคืน สิ่งนั้นเองทำให้ผมนึกถึงเรื่องบางอย่างที่ไม่อยากจะจดจำแม้แต่นิดเดียว

    ผลันให้สบถคำพูดที่ไม่น่าจะพูดเลยเวลาตื่นนอน

     

    แม่งเอ๊ย เสมอ 2-2” เป็นคำพูดที่เพิ่งหลุดออกจากปากของผมไป ซึ่งเหตุผลที่ผมสบถแบบนี้ออกมาหน่ะเหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะว่า ทีมฟุตบอลทีมรัก ดันไปเสมอกับคู่แข่งแบบไม่น่าให้อภัย

     

    ซึ่ง แน่นอนว่ามันไม่ได้ทำให้วันทั้งวันนั้นเหมือนเป็นวันโลกแตก แต่มันเป็นเพียงแค่อาการช้ำใจของคนผิดหวังนิดดหน่อย เมื่อตั้งสติได้ก็ลุกขึ้นปฏิบัติภารกิจประจำวันเพื่อเตรียมตัวไปทำงานที่แสน จะน่าเบื่อ.........ผมลืมเล่าไปว่าตัวผมนั้นเป็นพนักงานขายของบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ได้มีสิทธิมีเสียงใดๆทั้งสิ้นในการดำเนินงานของบริษัท

    แน่ นอนเพราะผมเองก็ยังเฝ้าโทษผู้คนรอบข้างที่ได้ดีกว่าผมเอง อาจจะเพราะความหมั่นไส้ หรืออาจจะเพราะไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรก ซึ่งถ้ามองจริงๆก็คงพอจะทราบได้ครับว่าเหตุผลที่แท้จริงที่ผมแสดงอาการเหล่า นั้นออกมาก็เพราะผมอิจฉาเค้าเหล่านั้นที่ได้ดีกว่าตนเอง มีความพยายามมากกว่า มีความมุ่งมั่นมากกว่า สิ่งเหล่านี้มันบั่นทอนสภาพจิตใจของผมเหลือเกินจนอยากจะลางานหนีไปไหนซักที่ ที่มันจะช่วยปลดเปลื้องความทุกข์เหล่านี้ออกไปจากตัวผมได้ซะที

    ซึ่งถ้าผมรู้ว่าการตัดสินใจของผมในวันนี้มันทำให้ผมต้องเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้ผมคงยอมลางานหนีไปซักที่อย่างที่คิดจริงๆ

    .
    .
    .
    .
    .แต่มันสายไปแล้ว

    .
    .
    .
    .
    .
    .ผมเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว
    .
    .

    .

    .

    .

    .
     

     

    .ผมก้าวขึ้นบนรถตู้สายอนุสาวรีย์-มีนบุรี พร้อมกับเสียงเพลงลูกทุ่งที่ร้องคลอเหมือนกับต้อนรับผู้โดยสาร

    ไผ่ พงศธร.......แน่นอนนี่อาจจะไม่ใช่นักร้องที่ผมโปรดปรานเท่าใดนัก แต่ผมก็สามารถร้องคลอตามได้หลายเพลงเลยทีเดียว
    . วี้หว่อ วี้หว่อ วี้หว่อ.........

    เสียง ไซเรนรถพยาบาลที่ดังอยู่ข้างหูทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้น พร้อมกับภาพของรถพยายาลที่รีบห้อบึ่งไปยังจุดหมายปลายทางเพื่อรับผู้ป่วย หรือผู้บาดเจ็บไปทำการรักษาให้เร็วที่สุด ซึ่งภาพที่เราทุกคนเห็นจนชินตาคือนั้นก็คือภาพของรถพยายาลที่พยายามปาดแซง พร้อมทั้งบีบแตรขอทาง(ไล่) รถทุกคันที่ขวางหน้าและพร้อมทั้งทิ้งคำว่า “Ambulance” ให้กับผู้ที่ขับตามหลัง

    ซึ่งแน่นอนคงมีหลายคนที่คิดว่ามรึงจะขับเร็วไปไหน จะรีบขับไปรับผู้ป่วยหรืออยากจะทำให้เกิดผู้ป่วยขึ้นอีก

    มันผมสบถคำหยาบอีกครั้ง เชี่ยขับเร็วฉิหายปวดขรี้หรือไงวะเป็นคำพูดติดปากที่ผมใช้ทุกครั้งที่มีคนขับรถเร็วจนเกินไปในความคิดของผม

    .
    .
    .
    .

    ยังพูดไม่ทันขาดคำรถพยาบาลอีกคันก็วิ่งผ่านรถตู้ของผมไปพร้อมกับเสียงบีบแตรไล่รถที่ขว้างหน้าทุกคัน

    และมันเป็นอีกครั้งที่ผมสบถคำพูดออกมาจากปาก มรึงจะรีบไปตายหรือไง ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผมต้องรู้สึกขัดใจทุกอย่างที่มันไม่เป็นไปตามความคิด ผมบ่อยครั้งที่ผมต้องทะเลาะกับคนรอบข้าง และเพื่อนร่วมงานจากคำพูดที่หลุดออกมา

    ยังไม่ทันสิ้นความคิดดังกล่าว

    เสียงบีบแตกดังไล่กันมาเป็นทาง

    รถพยาบาลอีกนับ 10 คันก็วิ่งตามรถคันหน้ามาและแน่นอนถ้ามีรถพยาบาลจะขาดรถกู้ภัยไปได้ยังไง

    ทุกๆคันพยายามขับแซงรถที่อยู่ตรงหน้าราวกับว่ายกสนามแข่งรถฟอร์มูล่าวันมาไว้บนทางด่วน ซึ่งผมคิดว่าชาตินี้จะไม่มีโอกาสได้ดูซะแล้ว

    ผมคิดว่ารถทุกคันต้องวิ่งไปยังจุดมุ่งหมายเดียวกันแน่นอน

    ซึ่งมันดูผิดปกติมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมพยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

    และแน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแต่ผมเท่านั้นที่คิด บนรถตู้เริ่มมีเสียงพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการคาดการณ์ต่างๆนาๆ

    ผู้ชายข้างๆผมเริ่มเปิดประเด็น

    ผมว่าต้องเกิดไฟใหม้แน่ๆเลยพร้อมกับเสียงสำทับทฤษฎีที่ชายคนดังกล่าวพูดมา

    นั้นหน่ะซิเสียงอีป้าช่างเม้าท์พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

    เนี่ยๆมีรถพยาบาลวิ่งเต็มเลยอ่ะตัวเองน้องนักศึกษาหน้าตาจิ้มลิ้มบอกกับปลายสาย

    แคว๊ก...... เสียงรูดซิปกระเป๋าสะพายใบเก่ง ผมไม่สนเสียงคนรอบข้างหรอกนะมันต้องหาความจริงสิ

    ผมหยิบหูฟังและเสียบมันที่โทรศัพท์มือถือพร้อมทั้งเปิดวิทยุเพื่อฟังข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    และแน่นอนผู้โดยสารหลายๆคนก็ทำเช่นเดียวกันกับผม 

    ทุกคนพยายามหาคลื่นวิทยุเพื่อฟังข่าวด่วน

    ไม่เว้นแม้กระทั่งคนขับรถที่ยอมปิดเพลงของไผ่ พงศธรเพื่อทำเช่นเดียวกัน

    ผมพยายามหาคลื่นวิทยุเพื่อฟังข่าว

    ซ่า...ซ่า....ซ่า...ซ่า...ซ่า...ซ่า...ซ่า...ซ่า...ซ่า FM.99

    ซ่า...ซ่า....ซ่า...ซ่า...ซ่า...ซ่า...ซ่า...ซ่า...ซ่า FM.97.5

    ซ่า...ซ่า....ซ่า...ซ่า...ซ่า...ซ่า...ซ่า...ซ่า...ซ่า FM.107

    ซ่า...ซ่า....ซ่า...ซ่า...ซ่า...ซ่า...ซ่า...ซ่า...ซ่า FM.95

    ไร้เสียงการรายงานข่าวและเสียงเพลงใดๆ ระหว่างที่ความสงสัยกำลังเกาะคลุมจิตใจผมอยู่นั้น

    เอี๊ยดดดดดดดดดดเสียงรถตู้เบรกยาวจนผู้โดยสารพากันหัวทิ่มหัวตำ จนหัวผู้โดยสารบางคนไปกระแทกกับเบาะหน้า

    ปรี้นนนนนนนนนนเสียงบีบแตรยาวจากคนขับ

    แมร่งขับรถเชรี่ยไรวะผมสบถอีกครั้ง

    หลังจากได้สติผมก็เริ่มหันมองดูผู้โดยสารคนอื่นๆว่ามีใครบาดเจ็บหรือเปล่า

    ผมหันไปเห็นผู้ชายที่นั่งข้างผมสะบัดข้อมือเพราะเอามือดันตอนรถเบรกจนมือซ้น

    คุณป้าพยายามจับเนื้อจับตัวว่ามีส่วนไหนแตกหักหรือเปล่า

    แต่คนที่ผมสนใจจริงๆไม่ใช่ผู้โดยสารเหล่านี้หรอก ผมสนใจน้องนักศึกษาหน้าตาจิ้มลิ้มต่างหาก ในใจก็ได้แต่คิดว่า พี่อยากเจ็บแทนน้องเหลือเกินโดยที่ผมไม่ได้ดูสภาพของตัวเองเลยว่าหน้าผากของผมกระแทกกับเบาะหน้านั้นมันบวมปูดจนเป็นลูกมะนาว

    แม่งเอ๊ยคำพูดที่ลอยออกมาจากปากของผม

    ยังไม่ทันสิ้นเสียงสบถของผมก็มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง

    ตึง......โครม ดูท่าจะไม่ได้มีเพียงรถตู้ที่ผมนั่งซะแล้วที่ต้องเบรกกะทันหัน รถหลายคันชนท้ายกันจนท้ายบุบหน้าบี้ พร้อมทั้งเสียงโวยวายจากเจ้าของรถ

    พี่ขับรถยังไงของพี่เนี้ยเสียงของชายเจ้าของรถป้ายแดง ตะโกนถาม

    ก็ข้างหน้าเบรคคุณจะให้ผมทำยังไงเสียงชายหนุ่มวัยกลางคน ตะโกนกลับไป

    พร้อมทั้งเสียงรอบข้างที่เซ็งแซ่ราวกับเสียงจักจั่นในหน้าร้อน...................

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    ผม ลงจากรถตู้ แล้ว...........................................................................................................................

    .................................................................................... ผมคิดดีแล้วหรือเปล่า..................................

    .................................. ผมคิดว่าผมไม่น่าลงจากรถตู้ เลย...................................................................

    .

    .
    .
    .
    .
    ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมคิดผิด

     

     

    ครืดดด เสียงเปิดประตูรถตู้ดังขึ้น ผู้โดยสารหลายคนรวมทั้งผมก้าวลงจากรถตู้ ผมได้แต่เสียดายที่น้องนักศึกษาไม่ได้ลงมาพร้อมกัน

    ผมเริ่มเดินพร้อมกันเอามือจับหน้าผากที่บวมปูดของตัวเอง เจ็บฉิบหาย พร้อมกับสายตาหันไปมองภาพข้างหน้า

    อะไรของมันวะ แม่งบ้าผมบ่นพึมพำกับตัวเองเมื่อภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือ รถยนต์คันหนึ่งจอดแน่นิ่งอยู่กลางแยกพระราม 9  ซึ่งแน่นอนมันทำให้รถติดยาวเป็นหางว่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบรถคันดังกล่าว

    ผู้ คนรอบข้างที่อยู่ในเหตุการณ์เริ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพ หรือวีดีโอ ซึ่งผมไม่รู้หรอกว่าเค้าเหล่านั้นทำแบบนั้นไปทำไม เรื่องแบบนี้มันไม่อยู่ในความสนใจของผมแม้แต่นิดเดียว เพราะผมสนใจเพียงหน้าผากที่บวมปูดของผม

    .
    .
    .
    .
    ผมหยิบโทรศัพท์มือถือพร้อมทั้งไล่หาเบอร์ลูกค้าเพื่อโทรแจ้งว่าผมเองจะเข้าไปล่าช้าซักนิด

    แค๊ก แค๊ก เสียงไอจากปลายสายดังขึ้น

    อ้าวไม่สบายหรอครับผมถามกับลูกค้าที่สนิทกันพอสมควร

    ก็นิดหน่อยครับเสียงแหบแห้งของเค้าได้ตอบผมกลับมา

    .
    .

    ครับสวัสดีครับผม สิ้นสุดบทสนทนาของผม พร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มราวกับถูกหวย.......วันนี้ผมว่างทั้งวันเพราะลูกค้า ของผมลาป่วย เรื่องจะให้กลับเข้าไปออฟฟิศหน่ะหรอฝันไปเถอะ

    สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวผมตอนนี้คือกลับไปนอนดีกว่าเรื่องของลูกค้าทำให้ผมลืมนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วว่ามันคืออะไรความสงสัยทั้งหมดมันหายไปจากใจผมจนหมดสิ้น

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    10 กันยายน 2554   อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

    พี่หมออ๊อด เสียงเรียกของสัตว์แพทย์หนุ่มเรียกหมอรุ่นพี่

    ไรวะหมอรุ่นพี่หันมาตอบพร้อมใบหน้าซีดเซียว ราวกับผู้ป่วย

    ในไลน์ผลิตแจ้งมาว่า ข้าวโพดส่งไม่ทันอ่ะพี่ซึ่งคำพูดดังกล่าวไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับหมออ๊อดแม้แต่น้อย

    อีกแล้วหรอ เดี๋ยวพี่ลองโทรถามพี่วิชัยก่อนว่าจะเอายังไง เสียงของหมออ๊อดตอบแบบราบเรียบราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจำ

    พี่วิชัยครับ ทางไลน์แจ้งมาว่าข้าวโพดไม่พอครับพี่หมออ๊อดรายงานกับผู้หัวหน้า ซึ่งคำพูดดังกล่าวได้สร้างความฉุนเฉียวให้กับผู้ฟังไม่น้อย

    อะไรกันวะ อีกแล้วหรอ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็ไม่ทัน รอบนี้ก็ไม่ทันอีกแล้ววิชัยพูดออกมาแบบลอยๆเพราะไม่หวังว่าจะได้คำตอบจากหมออ๊อดแม้แต่นิดเดียว

    เอางี้นะหมอ หมอไปบอกในไลน์นะว่าให้เพิ่มพวกกระดูกเข้าไปก่อน จะได้ทันบรรจุ เพราะตอนนี้ทางกรุงเทพแจ้งมาว่ายอดเข้ามาเยอะวิชัยพูดพร้อมกับทำหน้าเซ็งพร้อมกับออกคำสั่งให้กับหมออ๊อด

    เอาใจเซลล์มันหน่อยละกัน เดี๋ยวเราจะโดนด่าว่าไม่มีของให้มันส่ง วิชัยพูดพร้อมกับก้มหน้าเล่น IPad ของตัวเองต่อ

    ได้ครับพี่หมออ๊อด ตอบพร้อมกับเดินออกมาจากห้องทำงานของวิชัย

    กึงกัง...กึงกัง...กึงกัง เสียงเครื่องจักรที่กำลังเร่งผลิตเพื่อให้ได้ตามยอดที่สั่งเข้ามา

    พี่ป้อมอยู่ป่ะหมออ๊อดถามกับพนักงาน QC ในไลน์ผลิต

    พี่ป้อมออกไปข้างนอกครับพี่พนักงานคนดังกล่าวตอบ

    ไปไหนวะ ไม่รู้เหมือนกันครับพี่แกไม่ได้บอกไว้” “เออๆ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่โทรหาแกเองหมออ๊อดตอบแบบไม่ใส่ใจผู้ฟังซักเท่าไหร่นัก

    ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้น ใครคะเสียงหวานของหญิงสาวตอบกลับมายังต้นเสียง

    พี่เองหมออ๊อดตอบพร้อมเปิดประตูห้องเข้าไปโดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาต

    อ้าวพี่หมอ มาทำอะไรคะน้ำผึ้งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายผลิตตอบ

    พี่มาตามหาหัวใจของพี่จ๊ะหมอหนุ่มตอบแบบทีเล่นทีจริงพร้อมทั้งทำสายตากระหริ่มกระเหรี่ยส่งให้หญิงสาว

    หัวใจพี่อยู่ที่บ้านไม่ใช่หรอคะหญิงสาวตอบพร้อมหน้าตาเหมือนกับคนที่ได้รับชัยชนะ

    อ้าว น้องน้ำผึ้งพูดจาแบบนี้เอามีดมาแทงหัวใจพี่เลยดีกว่าหมอหนุ่มตัดพ้อเมื่อหญิงสาวพูดถึงภรรยาที่กำลังตั้งท้องอยู่ที่บ้าน

    แล้วสรุปพี่หมอมาทำไมที่ไลน์เนี่ยน้ำผึ้งถามถึงธุระก่อนที่จะออกนอกเรื่องจนมากเกินไป

    พี่มาหาพี่ป้อมอ่ะ แต่เห็นเด็กข้างล่างบอกว่าแกไม่อยู่หมอหนุ่มพูดถึงธุระที่ทำให้ต้องมาที่นี่

    ใช่ค่ะพี่หมอเห็นแกว่าแฟนแกไม่สบาย แกเลยขอลาหยุดดูแลแฟนน้ำผึ้งพูดพร้อมกับทำหน้าปลาบปลื้มถึงพฤติกรรมของหัวหน้าที่เอาใจใส่ภรรยา

    พี่หมอน่าจะดูไว้เป็นเยี่ยงอย่างนะคะพร้อมกับหันมาแขวะหมอหนุ่ม

    หนูไม่รู้อะไรซะแล้วพี่ดูแลแฟนพี่ดีจะตาย ข้าวน้ำไม่ให้ขาด แสงเดือน แสงแดนไม่ต้องโดนหมอหนุ่มพูดพลางกับทำหน้าตาภูมิใจกับสิ่งที่ตนเองทำเพื่อภรรยา

    แหม ก็เพื่อไม่ให้ไอ้ฝนออกมาจับผิดพี่หมอได้ใช่มั้ยหล่ะ หญิงสาวพูดถึงเพื่อนของตนเองซึ่งเป็นภรรยาของหมอหนุ่ม

    แน่ะ เบื่อจริงพวกรู้ทัน เลิกๆทำงานๆ เออพี่จะมาบอกว่าทางส่วนวัตถุดิบแจ้งมาว่าข้าวโพดจะเข้ามาส่งไม่ทันนะหมอหนุ่มด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน

    ทางพี่วิชัยเลยแจ้งให้เพิ่มกระดูกบดเข้าไปแทนหน่ะหมอหนุ่มบอกถึงสิ่งที่เค้าได้รับคำสั่งมา

    แต่เพิ่มมันเส้นเข้าไปแทนมันไม่ดีกว่าหรอพี่หมอหญิงสาวฉงนกับสิ่งที่หมอหนุ่มเพิ่งบอกไป

    พี่ก็คิดแบบหนูนั้นแหละ แต่ตอนนี้กระดูกมันกำลังจะเน่าละ เลยต้องรีบเอาไปผสมหมอหนุ่มบอกถึงสาเหตุทีต้องทำเช่นนั้น

    ก็จริงนะคะพี่หมอ เริ่มมีกลิ่นหน่อยๆละ เดี๋ยวน้ำผึ้งโทรแจ้งในไลน์เลยละกันนะคะหญิงสาวรีบดำเนินการตามสิ่งที่หมอหนุ่มได้บอกมา

    ได้จ้า หมอหนุ่มตอบขอบคุณมากนะคะพี่หมอหญิงสาวรีบตอบกลับหมอหนุ่มในทันทีตามมารยาท

    ไม่ต้องการคำขอบคุณหรอกจ้า ขอเป็นหัวใจของหนูแทนดีกว่า หมอหนุ่มตอบแบบกวนๆเพื่อยั่วหญิงสาวเล่นๆ

    ได้เลยพี่หมอ แต่เดี๋ยวน้ำผึ้งขอโทรบอกไอ้ฝนก่อนนะว่าพี่หมอขอหัวใจน้ำผึ้งหญิงสาวได้ทีตอกกลับไปยังหมอหนุ่ม

    อ่ะอ้ะอ้าว...ระระร้อนร้อนเลย ไม่เล่นด้วยละ เล่นของสูงแบบนี้พี่ก็แย่ซิไปก่อนดีกว่าหมอหนุ่มจากไปพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าและเสียงหัวเราะของหญิงสาว

    .

    .
    .
    .
    .
    .

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น